วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

[รีวิว] :: Review วัดร่องขุ่น เชียงราย ... พุทธศิลป์ของแผ่นดินไทย (อ.เฉลิมชัย)

หลายที่ใน ประเทศไทย ยังมีสิ่งก่อสร้างที่งดงามเหมือนออกมาจาก วรรณคดีอยู่ วัดร่องขุ่น ก็เป็นหนึ่งในนั้น ... พุทธศิลป์ โดย อ. เฉลิมชัย ...

วัดร่องขุ่น (Wat Rong Khun) ออกแบบและก่อสร้างโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งปรารถนาจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ ที่มนุษย์สัมผัสได้ เริ่มสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 จากเดิมมีเนื้อที่ 3 ไร่ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มและมีผู้บริจาคคือ คุณวันชัย วิชญชาคร จนปัจจุบันมีเนื้อที่ 9 ไร่ และมีพระกิตติพงษ์ กัลยาโณ รักษาการเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน




ดูรีวิวแบบเต็มๆได้ที่นี่ครับ (คลิ๊กเลย) http://www.ny1trip.com/data/tours/ChiangRai/WatRongKhun/WatRongKhun01.htm


สำหรับคนชอบอ่านรีวิว .. ขอเชิญที่นี่ครับ http://www.ny1trip.com

ถ่ายรูปสวยด้วยคอมแพค .. ตอนที่ 3. ทฤษฎีเรื่อง รูรับแสง ความไวชัตเตอร์ (ขั้นต้น)

3. ทฤษฎีเรื่อง รูรับแสง ความไวชัตเตอร์ (ขั้นต้น)

เรื่องราวที่จะกล่าวต่อไปนี้ อาจจะเป็นเรื่องราวที่ฟังเข้าใจยากนิดหน่อยนะครับ ... แต่ก็เป็นสิ่งที่ควรเข้าใจไว้สำหรับคนที่รักที่จะศึกษาการถ่ายรูป แต่เนื่องจากผมเองก็ไม่ใช่โปรฯทางนี้
แต่หลังจากได้ศึกษามาก็อยากนำมาเล่าสู่กันฟังมั่งครับ ว่าสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มา มันคืออะไรบ้าง ถึงจะเป็นเพียงความรู้เบื้องต้นเท่านั้นก็เถอะ


เรื่องที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้ ก็เกี่ยวกับกล้องน่ะแหละครับ จะคอมแพค จะ DSLR หลักการก็ไม่ต่างกัน แตกต่างกันแค่ ประสิทธิภาพ - ความสามารถของกล้องมากน้อยกว่ากันครับ แต่ก็ใช่ว่า คอมแพคจะทำอะไรไม่ไ่ด้เลยนะครับ ทุกวันนี้ คอมแพค ก็เริ่มขยับความสามารถขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ .. เพียงแต่ว่า คุณจะใช้เมนูมันถูกไม๊ ส่วนถูก-ไม่ถูก นั้นก็ขึ้นอยู่ที่ตัวคุณ ว่าคุณศึกษาคู่มือมันมากแค่ไหนแล้วล่ะครับ (จากที่แนะนำไปแล้วในตอนที่ 1.)...

- เรื่องที่สำคัญของกล้อง หลังจากเรื่ององค์ประกอบ (ในตอนที่ 2.) หลักๆก็คงหนีไม่พ้น รูรับแสง(f) และ ความไวชัตเตอร์(s) ครับ
คงจะเป็นศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยสำหรับหลายๆคน เอาเป็นว่า มาทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ ว่าอะไรคืออะไร

ถ้าสมมุติให้ การถ่ายรูป แสงที่พอดีสำหรับการถ่ายรูป เปรียบเสมือนการเติมน้ำลงไปในถังใบหนึ่ง ความพอดีคือ เต็ม 1 ถังพอดีเป๊ะๆ รูรับแสง จะเปรียบเสมือน ขนาดของท่อน้ำ และ ความไวชัตเตอร์ จะเปรียบเสมือนช่วงเวลาที่ เปิด-ปิด ก๊อก ... การจะให้น้ำพอดีถังได้ ระยะเวลาเปิด-ปิด จะต้องสัมพันธ์กับ ขนาดของท่อด้วย เช่น ถ้าท่อใหญ่ (รูรับแสง กว้าง/ใหญ่) เราก็เปิด-ปิด เร็วได้ แต่ถ้าท่อน้ำเล็ก (รูรับแสง แคบ/เล็ก) เราก็ต้อง เปิดนานหน่อยกว่าจะปิดได้ .. น้ำถึงจะเต็มถังพอดี พอจะตามทันไม๊ครับ ? (ถ้าไม่ทัน อ่านวนซ้ำอีกรอบครับ ฮาา)


คราวนี้ การปรับรูรับแสงกับความไวชัตเตอร์ต้องสัมพันธ์กันนะครับ ... การคำนวณนั้นผมไม่ทราบหรอกครับ เพราะปกติผมใช้คอมแพค - -" มันคำนวณให้เอง (แล้วจะพูดถึงทำไม ใช่ไม๊ครับ แหะๆ) กล้องของเรานะครับ ปกติถ้าเป็นพวก DSLR จะมีโหมดครับ เขาจะเรียกว่า โหมด A หรือ AV นี่แหละครับ เรา(คนถ่าย) จะเป็นคนปรับเรื่อง รูรับแสง อย่างเดียวเท่านั้น กล้องจะทำการคำนวณความไวชัตเตอร์ให้เองนะครับ ในกล้องคอมแพคมักจะอยู่ในโหมด Manual นะครับ เพราะคอมแพคปกติกล้องจะคำนวณให้เองหมดทุกอย่าง คราวนี้ถ้าเราอยากกำหนดเอง (บางครั้งในคู่มือมีบอกการปรับเรื่องพวกนี้ แต่พอเราเข้าเมนูไม่มี อันนี้ผมเจอมาเองครับ ในคู่มือบอกปรับได้ พอจะทำ หาไม่เจอ ประกฏว่า เมนูเหล่านั้นจะโผล่ขึ้นมา ก็ต่อเมื่อเราตั้งค่าของกล้องเป็นแบบ M (manual) ก่อนครับ) ก็ลองอ่านดูในคู่มือครับ ว่าต้องเซตยังไง ถึงจะปรับได้ ส่วนมากก็ปรับมาที่โหด Manual นี่แหละครับ
แล้วผลจากการปรับ ปรับไปทำไม ? ลองมาดูกันครับ ว่าปรับแล้วได้อะไรนะครับ

ภาพแบบชัดตื้น ... (ลองดูตัวอย่างประกอบครับ .. จะเห็นถึงความชัดตื้นไม๊นี่ - -")
ดูระยะความชัดนะครับ จะอยู่แถวๆ กระถางเป็นหลัก
การปรับให้เกิดความชัดตื้นแบบนี้ ก็คือการปรับให้รู้รับแสง กว้างๆ ครับ คำว่ากว้างๆ ก็ คือปรับตัวเลข น้อยๆ ครับ
ในภาพ f/5 (ค่ารูรับแสง 5) กล้องจะทำการปรับ สปีดชัตเตอร์ผมให้เป็น 1/400 s โดยอัตโนมัติ



ภาพชัดลึก ..
จะเห็นว่าระยะความชัด เกือบจะถึงขอบรูปด้านล่างเลยครับ (สังเกตุจากลายผ้าปูโต๊ะ) และดูคนถือกล้องด้านหลังกระถางก็ยังค่อนข้างชัดกว่า ถ้าเทียบกับภาพแรกนะครับ
การปรับให้เกิดความชัดตื้นแบบนี้ ก็คือการปรับให้รู้รับแสง แคบๆ ครับ คำว่าแคบๆ ก็ คือปรับตัวเลข มากๆ ครับ
ในภาพ f/14 (ค่ารูรับแสง 14) กล้องจะทำการปรับ สปีดชัตเตอร์ผมให้เป็น 1/50 s โดยอัตโนมัติ




ดูข้อมูลแบบเต็มๆได้ที่นี่ครับ ... http://www.ny1trip.com/data/prep/photo03.htm


ปล. เนื่องจากทำไว้แล้วที่เวบ .. จะเอามาทำใหม่ที่นี่ ก็ไม่ไหวครับ รบกวนอ่านแบบเต็มๆที่เวบแล้วกันครับ ขอบคุณครับ

สำหรับคนชอบอ่าน รีวิวการท่องเที่ยว การเดินทาง เชิญทางนี้ได้เลยครับ http://www.ny1trip.com

ถ่ายรูปสวยด้วยคอมแพค .. ตอนที่ 2. การจัดองค์ประกอบแบบง่ายๆ ใครก็ทำได้ ..

ตอนที่ 2. การจัดองค์ประกอบแบบง่ายๆ ใครก็ทำได้

ดูแล้วอาจจะสงสัย เกี่ยวอะไรกับท่องเที่ยว .. แต่ในมุมมองผมแล้ว .. ไปเที่ยวแทบทุกคนย่อมต้องถ่ายรูปกลับมา .. เมื่อถ่ายรูปกลับมาเอามาดู ก็ย่อมอยากได้ ความสุขในวันนั้นๆติดมากับรูปด้วย ... ผมจึงมองว่ามันเกี่ยวกัน .. เพราะจะให้ผมเอาเนื้อหาอันน้อยนิดอันนี้ไปอยู่ในหมวด กล้อง หมวดการถ่ายภาพ ผมก็อายเกิน~ เพราะมันไม่โปรขนาดนั้นครับ ความรู้ สาระเรื่องกล้อง เรื่องถ่ายภาพมันน้อยเกิน แล้วก็ธรรมดาๆมากเลยสำหรับคนที่เขาเล่นกล้อง นี่เราคุยกันประสาคนชอบเที่ยวเน๊อะ แหะๆ เอาเป็นว่า ท่องเที่ยวแล้ว ถ่ายรูปให้สวยขึ้นอีกนิดได้ แค่นี้ .. ผมก็ว่า มีความสุข แล้วครับ

- การจัดองค์ประกอบ ก็ต้องสืบเนื่องมาจากในหัวข้อที่แล้ว เราต้องเลือกสิ่งที่จะนำเสนอ หรือ สิ่งที่จะถ่ายนั่นแหละครับ เป็นอันดับแรก ส่วนการจัดองค์ประกอบนั้น .. ก็คือการเลือกว่า จะเอาสิ่งนั้น หรือ จะเรียกว่า "ตัวเอก" ของภาพนั้น วางไว้ที่ใด โดยที่วางแล้ว ตัวเอกต้องไม่อึดอัด ต้องดูเด่น ใครๆดูก็ดูออกว่านี่แหละคือ ตัวเอก .. นี่แหละครับสิ่งที่เราต้องคิดในการวางตัวเอก ..

สิ่งหนึ่งที่ต้องขอออกตัวก่อนคือ ... สิ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ .. ส่วนนึงก็อ่านตามเวบมา ส่วนนึงก็มาจากความรู้สึกส่วนตัว ที่มองรูปที่ตัวเองถ่ายมา อาจจะไม่ใช่อะไรที่ จะตรงตามทฤษฎีมากมายนัก ... เอาเป็นว่า .. มาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ ขออย่าเอาสิ่งต่างๆที่จะกล่าวต่อไปนี้ไปเทียบกับ บทความ หรือ หนังสือ ของผู้เชี่ยวชาญเลยครับ เพราะผมไม่ได้เรียนทฤษฎีอะไรมาเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ

มาครับ มาดูกัน การจัดองค์ประกอบที่ดูลงตัวที่สุด ... ผมคิดว่าทุกๆท่านก็ทำกัเองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว คือจัดแบบสมดุลย์ .. ตัวเอกอยู่กลางภาพ การจัดแบบนี้ ยังไงก็ดูดี ดูมีพลังที่สุด .. อยู่เสมอครับ .. อย่างงี้ .. เห็นก็รู้เลยว่า .. ถ่ายรูปขวด



หรือเช่นภาพนี้ครับ เห็นก็รู้เลยว่า ถ่ายรูปเกาะ - -"



เป็นการจัดแบบคลาสสิกมากครับ แบบนี้ ... แต่ถ้า ในกรณีที่ ตัวเอกที่เราอยากใส่เข้าไป มีมากกว่า 1 ตัวล่ะ .. เราจะจัดยังไงดี หรือ การที่มีแต่รูปที่ ตัวเอกอยู่ตรงกลางทั้งหมด .. ไม่คิดว่า มันจำเจมั่งเหรอครับ ? ในบางกรณี .. ถ้าเราลดบทบาทของตัวเอกนิด อาจจะช่วยให้ตัวรองเด่นขึ้นมาอีกหน่อย เพื่อเสริมให้ตัวเอกนั้นโดดเด่นยิ่งขึ้นก็ได้นะครับ ... (แต่ในกรณีสิ่งที่อยากเก็บมีมากกว่า 1 สิ่ง ตรงนี้ .. บางคนที่เขียนบทความเอาไว้ .. แนะนำว่า ให้เลือกตัดออกบ้าง ถ้ามันเยอะเกินไป จะดีกว่านะครับ เพราะยัดเยียดเข้าไปมากเกินไป มันจะมั่วเกินจนดูไม่ออกว่าใครคือตัวเอกนะครับ แต่การตัดออกบ้าง .. ให้เหลือเท่าที่จำเป็น อาจจะทำให้ภาพของสิ่งนั้น สื่อความหมายได้ตรงกว่า)
- เมื่อจะทำการจัดตัวเอก เอาแบบไม่ให้อยู่ตรงกลาง หรือ อยากให้ตัวเอกหลบตัวรองซักหน่อย หรือ ตัวเอกมีมากกว่า 1 ตัว ก็มาถึง ทฤษฎีที่เขาเรียกกันว่า กฏ 3 ส่วน หรือ จะกฏ 9 ช่อง (3 ส่วนแนวตั้ง x 3 ส่วนแนวนอน) ตามแต่จะเรียกครับ จาก

กฎสามส่วน (Rule of Third)
- ทฤษฎีกฎสามส่วน (Rule of Third) เป็นวิธีการง่ายๆ ที่จะทำให้ภาพออกมาดูดี โดย หลีกเลี่ยง การวางตำแหน่งของวัตถุหลักที่เราจะถ่าย ไม่ให้อยู่ตรงจุดกึ่งกลางภาพ ซึ่งจะทำให้ภาพนั้นแข็งทื่อ ไม่ชวนมอง ดังนั้น ตำแหน่งที่เหมาะสมต่อการวางวัตถุ ควรอยู่ในตำแหน่งที่เกิดจากจุดตัดของเส้นสี่เส้นตามทฤษฎี กฏสามส่วน ซึ่งการจัดวางตำแหน่งหลักของภาพถ่าย เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดผลทางด้านแนวความคิด และความรู้สึกได้ การวางตำแหน่งที่เหมาะสมของจุดสนใจในภาพ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ


นั่นคือ ทฤษฎีที่เขาว่ากันไว้ครับ การแบ่งก็คือ แนวตั้งแบ่งออกเป็นสามส่วน แนวนอนอีกสามส่วน ลากเส้นแบ่งจะตัดกันเกิดเป้นช่อง 9 ช่อง ตำแหน่งของตัวเอก ก็จะถูกจัดให้ลงตามจุดตัดที่เกิดขึ้น 4 จุด ครับ (จุดแดงๆในภาพ) เลือกเอาพระเอกเราวางใกล้ ๆ หรือ ตรงจุด 4 จุดนี้ จุดใดจุด หนึ่ง ครับ โดยหันหน้าของวัตถุไปในทิศทางที่มีพื้นที่ว่างมากกว่า ทำให้ภาพดูเด่น ไม่อึดอัด ไม่แน่น หรือหลวมจนเกินไป นักถ่ายภาพทั้งมืออาชีพ และมือสมัครเล่นนิยมจัดภาพแบบนี้มาก



อย่างเช่นรูปนี้ .. วางตำแหน่งกังหัน โดยหันหน้าออกด้านที่มีพื้นที่เยอะกว่า โดยเลือกวางที่จดตัดขวาบนนะครับ ( ในรูป ตัวเอกของผมคือกังหัน นะครับในภาพนี้ )



.. ดูข้อมูลแบบเต็มๆได้ที่นี่ครับ http://www.ny1trip.com/data/prep/photo02.htm..

ปล. เนื่องจากทำไว้แล้วที่เวบ .. จะเอามาทำใหม่ที่นี่ ก็ไม่ไหวครับ รบกวนอ่านแบบเต็มๆที่เวบแล้วกันครับ ขอบคุณครับ

สำหรับคนชอบอ่าน รีวิวการท่องเที่ยว การเดินทาง เชิญทางนี้ได้เลยครับ http://www.ny1trip.com

ถ่ายรูปสวยด้วยคอมแพค .. ตอนที่ 1. ข้อแนะนำในการใช้กล้อง คอมแพค ครับ

ไปเที่ยวกันทั้งที ... ใครๆก็อยากเก็บรูปสวยๆให้ถูกใจกลับมบ้าน ... อย่างน้อย ... มันก็เป็นบันทึกการเดินทางของเรา

ลองมาดูคำแนะนำนี้บ้างครับ ..ของบอกก่อนว่า ผมไม่ใช่ช่างถ่ายภาพมือโปร .. เป็นแค่คนชอบถ่ายรูป รู้มาแค่งูๆปลาๆ แต่หลังจากลองทำตามดูภาพที่ได้ก็รู้สึกว่ามันดีขึ้นนะครับ ... เลยอยากเอามาแบ่งปันกันครับ

ตอนที่ 1. ข้อแนะนำในการใช้กล้อง (คอมแพค)

- อ่านคู่มือกล้อง เพื่อจะได้รู้สมรรถนะและระบบการทำงานของกล้องว่า ทำงานอย่างไร และ มีอะไรให้ใช้บ้าง
เพื่อ ให้ใช้งานได้เหมาะสม อย่างเช่น โหมดต่างๆควรรู้ไว้ ว่ากล้องของเรามีโหลดอะไรบ้าง จะถ่ายในที่มืด ก็ควรใช้โหมดแสงน้อย เป็นต้น ตรงส่วนนี้ .. ตัวผมเอง ตอนใช้กล้องตัวแรก(จนมันจะพัง) ก็ไม่เคยจะอ่าน พอมาหลังๆ เริ่มอยากถ่ายรูปให้ได้ดั่งใจบ้าง ก็เริ่มหาข้อมูลว่าเราควรทำอย่างไร .. เจอข้อนี้เยอะมากบนเว็บต่างๆ จนสุดท้ายลองเอาคู่มือ(ฝุ่นจับ)ขึ้นมาอ่าน .. แล้วก็จะคิดว่า "อ้าว .. กล้องเราทำยังงี้ได้ด้วยเหรอ ?" เพราะ ฉะนั้น เมื่อซื้อกล้องมา ควรศึกษาก่อนเ็ป็นอันดับแรก .. ว่า กล้องตัวนี้มีอะไรบ้าง และ ต้องทำอย่างไรบ้างครับ (ส่วนศัพท์แต่ละอย่าง ว่าอะไรคืออะไร ค่อยตามไปกับผมครับ จะค่อยๆ เล่าให้ฟังด้วยความรู้น้อยนิดที่ผมมีครับ)

- เลือกสิ่งที่จะนำเสนอในภาพ ในเฟรมนั้นๆ เป็นอันดับแรก (หรืออีกนัยหนึ่ง . เลือกสิ่งที่เราจะ ถ่าย นั่นแหละครับ)
ตรงนี้ เพื่อให้รูปมีความหมาย นำไปสู่ว่า .. ควรจะโฟกัสที่จุดไหน อะไรจะเป็นฉากหน้า อะไรจะเป็นฉากหลัง เพราะทุกอย่างควรมีจุดที่ต้องการถ่ายก่อนเสมอครับ จะวาดภาพซักภาพก็ยังต้องคิดว่า .. เราจะวาดอะไร เราจะนำเสนออะไร เพราะฉะนั้นจะถ่ายรูปอะไรซักรูป อยากให้คิดว่า .. ในรูปนี้เราจะนำเสนออะไร หรือ จะถ่ายอะไร (แต่ส่วนตัว .. พวกรูปที่ถ่ายไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ถ่ายอะไรก็มีนะครับ ไม่ใช่ว่าจะไม่มี @^^@)

- เวลากด Shutter ไม่ต้องรีบกด หรือ กดแบบกระแทก .. ค่อยๆกดอย่างนิ่มนวลจะดีที่สุด
เพราะ ว่าถ้าคุณกดแบบแรงๆ หรือกระแทกนิ้วลงไป โอกาที่ภาพจะไหวนั้นจะสูงมาก (ถ้ามีระบบกันสั่น ..ก็ควรเปิดไว้บ้างครับ) ค่อยๆกด เพราะปกติแล้ว กล้องคอมแพค จะทำการปรับโฟกัสอัตโนมัติเมื่อกดชัตเตอร์ลงไปครึ่งนึง การกดช้าๆอย่างนุ่มนวลก็จะทำให้กล้องมีโอกาสปรับโฟกัสได้ดีด้วยครับ ตัวคุณเองก็จะเห็นได้ด้วยว่า .. กล้องนั้นโฟกัสตามที่คุณเล็งไว้ไม๊

- รู้จักกับการ ล๊อกโฟกัส ของกล้อง
ปกติแล้ว กล้อง คอมแพคทั่วๆไป กดชัตเตอร์ลงครึ่งนึง จะเป็นการปรับโฟกัส ถ้าเรากดค้างไว้(ที่ครึ่งนึง) ก็จะเป็นการล๊อกโฟกัส หลังจากล๊อกโฟกัสได้แล้ว ก็ค่อยจัดองค์ประกอบภาพตามใจเราครับ ตัวอย่างในการใช้ เช่น บางครั้งต้องการถ่ายภาพให้เกิดมิติ .. มีฉากหน้า (Fore Ground หรือ Fg) และมีฉากหลัง (Back Ground หรือ Bg) การต้องการให้ฉากไหนชัด ก็ทำการโฟกัสที่ส่วนนั้นก่อน แล้วค่อยแพนกล้องไปจัดองค์ประกอบของอีกส่วนหนึ่ง

หลักการง่ายๆครับ ... แต่ถ้าลองดู ผลงานอาจจะดีขึ้น ไม่มากก็น้อยล่ะครับ
ยังมี ตัวอย่าง และ ไอเดียอีก .. เนื่องจากว่า ย้ายรูปมาทำต่อที่นี่ไม่ไหว ถ้าสนใจ มาอ่านต่อได้ที่นี่ครับ
http://www.ny1trip.com/data/prep/photo01.htm

ทำไว้เป็นเวบ รีวิว การท่องเที่ยว ... แต่การถ่ายรูปกับการท่องเที่ยวนั้นเป้นของคู่กัน ... แล้วอีกอย่าง เนือหาก็ไม่โปรขนาดจะเป็นเรื่องของ กล้องมันเป็นแค่เกล็ดควารูเล็กๆน้อย ก่อนจะไปเที่ยวแค่นั้นเองครับ ..

ส่วนใครที่ชอบอ่านรีวิวท่องเที่ยว บันทึกการเดินทาง ขอเชิญแวะชมได้ที่นี่ครับ
http://www.ny1trip.com/

ขอบคุณทุกท่านที่มาแวะชมครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ด้วยครับ

[รีวิว] :: ท่องเที่ยว ::จันทบุรี:: น้ำตกพลิ้ว ... ไปเล่นน้ำกับปลาพลวง !!

คำว่าพลิ้ว หาใช่พลิ้วไหว แต่เป็นชื่อของต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งแต่ก่อนมีมากแถวน้ำตกนี้ เลยได้ชื่อนี้มาครับ ..



ดูรีวิวแบบเต็มๆได้ที่นี่ครับ ...



สำหรับคนชอบรีวิว .. ดูรีวิวหลากหลาย .. ทั่วทิศทั่วไทย ได้ที่นีครับ http://www.ny1trip.com

[รีวิว] การเดินทาง ท่องเที่ยว เขาคิชฌกูฏ .. เส้นทางแสวงบุญ .. แรงศรัทธา และ การผจญภัย

เขาคิชฌกูฏ .. เส้นทางแสวงบุญ .. แรงศรัทธา และ การผจญภัย

ที่มาของชื่อเขา<b>คิชฌกูฏ</b>นั้น ในตำนานศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่า เขาคิชฌกูฎอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์ แปลว่าภูเขาแร้งกระพือปีก มีคันธกุฎีอยู่บนยอดเขา และเคยเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าในอดีต เป็นความดำริของพระครูธรรมสรคุณซึ่งเป็นกรรมการและเป็นหลักในการพัฒนาพระบาทพลวงตั้งแต่ พ.ศ. 2515 ได้เสนอใช้ชื่อ พระบาทเขาคิชฌกูฎ (พลวง) เหตุผลเพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่พุทธศาสนาเจริญกว่าเมืองไหนๆ แม้กระทั่งประเทศอินเดีย จึงน่าจะใช้ชื่อนี้เป็นที่ระลึกถึงพระบรมศาสดา ในทุกๆ ปีจะมีพิธีเปิดและพิธีปิดการขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, 2544:97-99)




ดูรีวิวการเดินทางแสวงบุญเต็มๆได้ที่นี่ ...


หรือจะดูรีวิวอื่นๆอีกมากมายได้ที่นี่ http://www.ny1trip.com